ความสำคัญและความเป็นมาของการดำเนินงาน TO BE NUMBER ONE ในสถานประกอบการ
“ยาเสพติด” ปัญหาสำคัญระดับชาติที่รัฐบาลถือเป็นนโยบายที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขอย่าง
จริงจัง
ทั้งนี้ เพราะปัญหายาเสพติดที่มีการแพร่ระบาดในทุกพื้นที่ของประเทศไทยและทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ
ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งด้านการเมืองและความมั่นคงของประเทศ
ตั้งแต่ ปี 2542 เป็นต้นมา
สภาพปัญหายาเสพติดเปลี่ยนแปลงไปจากที่เป็นอยู่ในอดีตอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่
"เฮโรอีน” เป็นปัญหาสำคัญที่ตำรวจต้องเร่งปราบปรามให้สิ้นซาก กลายเป็น
“ยาบ้า” หรือสารเสพติดหลากหลายประเภท อาทิสารเมทแอมเฟตามีนที่กำลังระบาดตั้งแต่ระดับครอบครัว
โรงเรียน ชุมชน สังคม และประเทศจากข้อมูลการสำรวจพบว่าเยาวชนและประชาชนหลงเข้าสู่วังวนของ ยาเสพติดจำนวนมาก
ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี ทรงมีความห่วงใยต่อประชาชน
ชาวไทยเป็นอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนอายุระหว่าง 6-25 ปี จำนวน 21 ล้านคน
ซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง
จึงทรงรับเป็นองค์ประธานคณะกรรมการอำนวยการโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด
ซึ่งปัจจุบันได้ประกาศชื่อใหม่เพื่อให้ง่ายต่อการรณรงค์ว่า โครงการ TO BE NUMBER
ONE และเพื่อให้การรณรงค์แก้ปัญหายาเสพติดภายในประเทศดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ
โดยความร่วมมือและ
รวมพลังจากภาครัฐและเอกชน
กระตุ้นและปลูกจิตสำนึกของปวงชนในชาติให้มีความรู้ ความเข้าใจ
และตระหนักว่าการที่จะเอาชนะปัญหายาเสพติดมิใช่หน้าที่ของบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง
แต่ทุกคนในชาติต้องร่วมแรงร่วมใจกันเป็นพลังของแผ่นดินที่จะต่อสู้และเอาชนะปัญหายาเสพติดให้ได้โดยเร็ว
โครงการ TO BE NUMBER ONE มีกรมสุขภาพจิต
กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินกิจกรรมเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ.
2546 โดยร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย
และกระทรวงแรงงาน ในกิจกรรมรณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่
เยาวชนในระบบและนอกระบบการศึกษา พนักงานหรือลูกจ้างในสถานประกอบการ
และประชาชนทั่วไปในหมู่บ้าน/ชุมชนให้เข้าร่วมโครงการ โดยการร่วมกันจัดตั้งชมรม TO
BE NUMBER ONE ในแต่ละสถานศึกษา ชุมชน
และสถานประกอบการด้วยการเป็นกลุ่มผู้ก่อตั้งหรือเป็นสมาชิกชมรมตามที่ตนสังกัด
เพื่อสร้างกระแส “เป็นหนึ่งโดยไม่พึ่งยาเสพติด” ให้เกิดกับคนไทยทุกคน